การร่วมมือกันเพื่อให้ภารกิจของ ERISA บรรลุผลสำเร็จ

พนักงานบริษัทสามคนกำลังตรวจเอกสารอยู่ที่โต๊ะ

กฎหมายหลักประกันรายได้สำหรับการเกษียณอายุของลูกจ้าง (Employee Retirement Income Security Act - ERISA) ซึ่งตราขึ้นเมื่อ 50 ปีที่แล้วนั้น มีวัตถุประสงค์เริ่มแรกที่จะจัดการกับการบริหารที่ผิดพลาดและการทุจริตโดยผู้ที่รับผิดชอบแผนบำเหน็จบำนาญเอกชน จากนั้นในช่วงหลายปีต่อมา ERISA ก็ได้ขยายขอบเขตไปยังการจัดการกับปัญหาใหม่ๆ ที่ไม่ใช่แค่เรื่องผลประโยชน์หลังเกษียณอายุ แต่ยังรวมถึงผลประโยชน์ด้านสุขภาพและอื่นๆ ของลูกจ้างที่ได้รับจากแผนประกันตามลักษณะงานของเอกชนด้วย 

ภารกิจในการนำ ERISA ไปใช้และคุ้มครองผลประโยชน์เหล่านี้ของหน่วยงานบริหารหลักประกันผลประโยชน์ของลูกจ้าง (EBSA) ประกอบด้วยการพัฒนาระเบียบข้อบังคับและแนวทางอื่นๆ ที่มีประสิทธิผล การช่วยเหลือและให้ความรู้แก่แรงงาน ผู้สนับสนุนแผนประกัน ผู้ดูแลผลประโยชน์และผู้ให้บริการ รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด โดยในช่วงหลายปีที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับ ERISA นั้น EBSA เองก็ได้พัฒนาขึ้นเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายใหม่ๆ ด้วย และความสำเร็จของเราจะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มีพันธมิตรและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ

นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกในฐานะโครงการเงินบำเหน็จบำนาญและผลประโยชน์ด้านสวัสดิการ จนพัฒนาตำแหน่งมาเป็นหน่วยงานย่อยในคณะรัฐบาลและก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 EBSA ได้ร่วมมือกับสมาชิกจำนวนมากในประชาคมด้านผลประโยชน์ของลูกจ้าง รวมถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกด้านกับการบริหารจัดการแผนสวัสดิการตามลักษณะงาน เพื่อทำให้งานต่างๆ ในภารกิจของเราให้ลุล่วง 

เริ่มตั้งแต่การพัฒนาระเบียบข้อบังคับที่มีประสิทธิผล การรับฟังเสียงของประชาคมด้านผลประโยชน์ของลูกจ้างเพื่อนำมาใช้ในกระบวนการจัดทำกฎระเบียบถือว่ามีความสำคัญต่อการพัฒนากฎที่รอบด้านเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายของ ERISA โดยบทบาทของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการการให้ข้อมูลที่มีคุณค่าในกระบวนการนี้ ตั้งแต่การมีส่วนร่วมในช่วงรับฟังความคิดเห็น การทำประชาพิจารณ์ การตอบคำถามด้านการนำไปใช้ที่ช่วยให้เราพัฒนาแนวทางเพิ่มเติมที่เอื้อต่อการปฏิบัติตามนั้นถือเป็นกุญแจสำคัญต่อความสำเร็จ

ความคิดริเริ่มบางอย่างที่ EBSA และพันธมิตรนำมาปฏิบัติอาจไม่ได้เป็นที่รับรู้ของสาธารณชนมากนัก แต่ก็ล้วนมีความสำคัญต่อการคุ้มครองผลประโยชน์และให้ความช่วยเหลือผู้เข้าร่วมทั้งสิ้น ตัวอย่างเช่น

  • โครงการดูแลแผนสวัสดิการที่ถูกละทิ้ง (Abandoned Plan Program) เริ่มขึ้นในปี 2006 โดยร่วมมือกับธนาคารและสถาบันการเงินอื่นๆ เพื่อช่วยให้แรงงานเข้าถึงผลประโยชน์สำหรับการเกษียณอายุของตน โครงการนี้ประกอบด้วยแนวทางสำหรับการยุติแผนสวัสดิการที่ถูกละทิ้งอย่างเป็นผล โดยให้สถาบันการเงินที่ถือครองทรัพย์สินในแผนสวัสดิการที่ถูกละทิ้งดังกล่าวมีอำนาจในการแจกจ่ายผลประโยชน์ให้กับผู้เข้าร่วมและผู้รับผลประโยชน์ ซึ่งการร่วมมือกับสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการนี้ตั้งแต่ปี 2006 เป็นต้นมา ทำให้เราสามารถปิดแผนสวัสดิการที่ถูกละทิ้งไปแล้วถึง 11,027 แผน รวมทั้งได้ดำเนินการพิจารณาการยื่นคำขอ 14,903 รายการและแจกจ่ายเงินผลประโยชน์สำหรับการเกษียณกว่า 614.5 ล้านดอลลาร์ไปยังบัญชีต่างๆ ถึง 95,505 บัญชี 

  • โครงการผู้เข้าร่วมซึ่งมีสิทธิในสวัสดิการที่มีการยกเลิก (Terminated Vested Participant Project) ซึ่งเริ่มดำเนินงานในปี 2015 โดยสำนักงานของเราในภูมิภาคฟิลาเดลเฟีย และกระจายไปทั่วประเทศในปี 2017 โดยร่วมกับสำนักงานกฎหมายแรงงานประจำภูมิภาคฟิลาเดลเฟีย ได้พัฒนากระบวนการบังคับใช้สำหรับแผนสวัสดิการเงินบำเหน็จบำนาญ ทำให้ผู้เข้าร่วมที่ถูกยกเลิกแผนสวัสดิการทราบว่าจะได้รับอะไรจากแผนการเกษียณอายุตามลักษณะงาน และยื่นขอรับผลประโยชน์จากแผนเหล่านั้น ตั้งแต่ปี 2017 จนถึง 2023 โครงการนี้ทำให้ผู้เข้าร่วมแผนการเกษียณอายุเดิมและผู้รับผลประโยชน์กว่า 57,000 รายได้รับเงินผลประโยชน์กว่า 6.5 พันล้านดอลลาร์ที่เกือบไม่ได้รับแล้ว

  • EBSA ได้ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับสถาบันผู้สอบบัญชีรับอนุญาตแห่งสหรัฐอเมริกาและคณะกรรมการกำหนดมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ในการอัปเดตแนวทางสำหรับผู้ปฏิบัติงาน แลกเปลี่ยนความรู้ และให้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งส่งผลให้คุณภาพการตรวจสอบแผนสวัสดิการสำหรับลูกจ้างดีขึ้น 

  • นอกจากนี้ EBSA ยังร่วมมือกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานจัดเก็บภาษีอากร เพื่อให้การออมเงินสำหรับการเกษียณง่ายขึ้น โดยเราได้ร่วมกันนำระบบการจ่ายเงินสมทบอัตโนมัติและข้อบังคับการลงทุนเบื้องต้นมาใช้ เพื่อช่วยให้แรงงานเริ่มออมเงินสำหรับเกษียณได้เร็วขึ้น

องค์ประกอบที่สำคัญอีกประการหนึ่งในภารกิจของเรา คือการให้ความรู้และการศึกษาเพื่อสร้างความตระหนักและให้ความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิและความรับผิดชอบภายใต้ ERISA โดย EBSA ได้พัฒนาแคมเปญการศึกษาเฉพาะร่วมกับพันธมิตรเพื่อแบ่งปันความเชี่ยวชาญ ที่ช่วยให้เราเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย เช่น เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กและผู้ให้บริการแผนสวัสดิการ รวมถึงการให้ความรู้แก่เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กเกี่ยวกับความรับผิดชอบในฐานะผู้ดูแลผลประโยชน์ตามแผนการเกษียณของตน และให้ความช่วยเหลือด้านการปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับสวัสดิการสุขภาพหลายฉบับที่เป็นส่วนหนึ่งของ ERISA นอกจากนี้ เรายังให้ความสำคัญกับการเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิและความรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ด้านสุขภาพจิตและความผิดปกติจากการใช้สารเสพติด โดยได้ร่วมมืออย่างกว้างขวางกับสมาชิกในชุมชนให้ช่วยกระจายข้อมูลนี้ไปยังชุมชนต่างๆ โดยเฉพาะชุมชนที่ไม่ได้รับบริการอย่างเพียงพอ ทั้งนี้ กุญแจสู่ความสำเร็จก็คือการรวบรวมผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลที่ครอบคลุมร่วมกันในที่เดียว ซึ่งรวมถึงการร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆ ของรัฐบาลกลาง เช่น IRS, กระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ กองค่าจ้างและชั่วโมงการทำงาน หน่วยงานฝ่ายปกครองประจำรัฐต่างๆ เช่น คณะกรรมการด้านประกันภัยของรัฐต่างๆ และผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม เช่น AICPA, สมาคมการจัดการงานบุคคล (Society for Human Resource Management) และหน่วยงานอื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อความร่วมมือเหล่านั้นด้วย 

อีกทั้งพันธมิตรของเราในระดับรัฐและรัฐบาลกลางยังช่วยเราบังคับใช้กฎหมายนี้ ซึ่งส่งผลอย่างมากต่อชีวิตของแรงงานและครอบครัว โดยในปีงบประมาณ 2023 เพียงปีเดียว EBSA ได้ดำเนินการชำระเงินโดยตรงถึง 1.435 พันล้านดอลลาร์ไปยังแผนสวัสดิการ ผู้เข้าร่วม และผู้รับผลประโยชน์ต่างๆ 

  • ในปี 2016 สำนักงานของ EBSA ประจำภูมิภาคนิวยอร์ก ร่วมกับสำนักงานดูแลสุขภาพของอัยการสูงสุดแห่งรัฐนิวยอร์ก พบว่า United Behavioral Health และ United HealthCare ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ได้ละเมิดกฎหมาย ERISA และกฎหมายความเท่าเทียมสำหรับบริการด้านสุขภาพจิตและการติดสารเสพติด (Mental Health Parity and Addiction Equity Act) โดยลดอัตราเงินชดเชยสำหรับบริการด้านสุขภาพจิตที่อยู่นอกเครือข่ายลง กำหนดให้ผู้เข้าร่วมที่เข้ารับการบำบัดด้านสุขภาพจิตต้องรับการตรวจสอบการใช้บริการซึ่งส่งผลให้มีการปฏิเสธการจ่ายเงินจำนวนมาก และไม่ได้ให้ข้อมูลที่เพียงพอแก่แผนประกันและผู้เข้าร่วม ผลก็คือบริษัทด้านสุขภาพดังกล่าวต้องจ่ายเงินเป็นจำนวน 15.6 ล้านและต้องดำเนินการแก้ไข

  • ในปี 2017 สำนักงานของเราประจำภูมิภาคชิคาโก แอตแลนตา และซานฟรานซิสโก ได้ทำการสอบสวนเกี่ยวกับระบบการจัดการสวัสดิการแบบนายจ้างหลายราย (MEWA) ซึ่งมีชื่อเรียกหลายแบบ รวมถึงแผนสวัสดิการสำหรับพนักงานของ AEU Holdings, LLC ซึ่งมีผู้เข้าร่วมและผู้รับผลประโยชน์ประมาณ 14,000 คนที่ทำงานให้กับนายจ้างมากกว่า 560 รายใน 36 รัฐ การสอบสวนดังกล่าวพบว่าแผนสวัสดิการของ AEU มีการฝากเงินสมทบของพนักงานและนายจ้างลงในบัญชีต่างประเทศของเบอร์มิวดาสองบัญชี ซึ่งทำให้การเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลมีการค้างจ่ายกว่า 26 ล้านดอลลาร์ คดีความที่เกิดขึ้นมีค่าเสียหายมากกว่า 14 ล้านดอลลาร์ที่ต้องจ่ายเป็นค่าสินไหมที่ค้างชำระและค่าใช้จ่ายในส่วนที่พนักงานออกเอง EBSA ได้ดำเนินการเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีการเรียกเก็บหนี้กับผู้เข้าร่วมที่มีการเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลที่ยังค้างจ่าย และได้ออกคำสั่งให้งดเว้นและเลิกดำเนินงานเป็นครั้งแรก ซึ่งป้องกันไม่ให้ MEWA ทำการตลาดกับนายจ้างในอนาคตหรือเปิดให้นายจ้างรายใหม่ลงทะเบียนเข้าร่วม

  • การสอบสวนครั้งหนึ่งของ EBSA ในเดือนกรกฎาคมปี 2023 ส่งผลให้เกิดการประนีประนอมยอมความกับผู้ดูแลผลประโยชน์ของแผนการเกษียณที่สนับสนุนโดย DST Systems Inc. รวมถึงบริษัทจัดการการลงทุน โดยพวกเขาตกลงที่จะจ่ายเงินมากกว่า 124.6 ล้านดอลลาร์ให้กับแผนการเกษียณจากข้อกล่าวหาว่าละเมิดการทำหน้าที่ผู้ดูแลผลประโยชน์ ซึ่งการละเมิดดังกล่าว ได้แก่ การไม่กระจายสินทรัพย์ของแผนการเกษียณ และการไม่ดำเนินการอย่างรอบคอบและซื่อสัตย์ในการบริหารจัดการสินทรัพย์เหล่านี้ เช่น นำเงินของแผนการเกษียณไปลงทุนในหุ้นของบริษัทเภสัชกรรมแห่งเดียว ซึ่งทำให้มูลค่าสินทรัพย์ของแผนเพิ่มขึ้นมากกว่า 45% ก่อนที่ราคาหุ้นจะร่วงดิ่งลง 

ในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา การร่วมมือของเรากับสมาชิกในประชาคมผลประโยชน์ของลูกจ้างนั้นมีคุณค่าต่อการบรรลุเป้าหมายร่วมกันของเราเป็นอย่างยิ่ง แต่นี่ยังเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เราทราบดีว่ายังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องดำเนินการ และหวังว่าจะได้ร่วมงานกับคุณต่อไป เพราะเป้าหมายของ ERISA นั้นเป็นจริงได้เมื่อเราร่วมมือกัน 

 

Lisa M. Gomez เป็นรองเลขานุการประจำหน่วยงานบริหารหลักประกันผลประโยชน์ของลูกจ้าง กระทรวงแรงงาน